วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 13 เรื่องวิธีแก้ปัญหาทางสังคม

วิธีแก้ปัญหาทางสังคม



สังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น และความเป็นอยู่สภาพปัญหาทางสังคมย่อมมีความซับซ้อนขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะพฤติกรรมบางอย่างของเยาวชนนั้นไม่ได้รับการดุแลเอาใจใส่จากสังคมอย่างเต็มที่หรือสังคมนั้นเลือกที่จะละเลยสภาพปัญหานั้น ๆ เอง จากการที่เยาวชนนั้นพัฒนาทางด้านกายภาพ พัฒนาทางด้านอารมณ์ พัฒนาทางด้านความคิด อย่างร็วดเร็วทำให้ความคิดความอ่านของเยาวชนนั้นเป็นอาการที่ต่อต้านผู้ใหญ่ทางด้านความคิด ความเข้าใจ จนทำให้ผุ้ใหญ่ส่วนมากคิดว่าเยาวชนเหล่านั้นเอาตัวรอดเองได้ แต่เยาวชนเหล่านั้นมักขาดสิ่งที่เรีกว่า ประสบการณ์
ทุกสังคมทุกชนชั้นย่อมมีปัญหาเสมอโดยเฉพาะปัญหาทางสังคมของเยาวชนไทย ที่ต้องเข้าใจในสภาพปัญหาและจำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะเยาวชนไทยในวันนี้คือ อนาคตของชาติที่จะต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของคนรุ่นหลังเพื่อที่จะพัฒนาประเทศชาติให้เจริญยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยแนวคิดพัฒนาของคนรุ่นใหม่ที่จะต้องเร่งสร้างหรือปลูกฝังความคิดที่ดีให้แก่ประชาชน ในการพัฒนาประเทศชาติในทางที่ดี
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องแก้ไขสถานการณ์หรือปัญหาทางสังคมของเยาวชนในปัจจุบันเพราะความไม่เสมอภาคทางสังคมที่เป้นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสังคมของเยาวชน จากปัญหานี้จึงก่อให้เกิดรอยแยกระหว่างสังคม และเป็นปัญหาและอุปสรรคที่จะต้องเร่งแก้ไขอย่างให้ทันท่วงที ปัญหาทางเศษฐกิจก็เป็นตัวหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาทางสังคมอย่างแรก ๆ คือสภาพทางสังคม ทางเศษฐกิจ ที่เป็นตัวบีบคั้นให้เกิดการดิ้นรนเอาตัวรอดและการหารายได้ให้พอกับรายจ่ายนั้น จึงทำให้เวลาที่จะดูแลปรึกษาปัญหาในครอบครัวมีน้อยลงหรือบางครอบครัวแทบจะไม่มีเลยและเรื่องนี้จึงเป็นหนึ่งในตัวทำให้เกิดปัญหาทางสังคมของเยาวชน เพราะการไม่ใส่ใจหรือไม่มีเวลาปรึกษาลูกเวลามีปัญหา นั่นย่อมทำให้ลูกหันไปปรึกษาเพื่อน ๆ หรือบุคคลอื่น ที่ชักจูกไปในทางที่ผิด และเพื่อนบางกลุ่มที่ไปปรึกษานั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มที่เกเร หรือเป็นพวกที่มีปัญหาทางสังคมอยู่แล้ว และแน่นอนว่าพวกที่มีปัญหาอยู่แล้วนั้นย่อมเป็นพวกที่มีอิสระในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งตรงกับความต้องการของเด็กที่มีปัญหาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเด็กบางกลุ่มที่มีปัญหาเวลามีปัญหาย่อมหาทางที่จะแก้ปัญหาที่ตนประสบนั้น และเด็กอีกกลุ่มเมื่อมีปัญหาย่อมหาทางที่จะหนีปัญหา ไม่ต้องการที่จะเผชิญกับปัญหาที่ตนประสบและกลายเป็นว่าเด็กกลุ่มที่หนีปัญหานี้ต้องการอิสระที่ตนเลือกที่จะหนีปัญหานั้น จนกลายเป็นปัญหาทางสังคม
1. ปัญหาสังคมและสาเหตุของการเกิดปัญหาสังคม
ปัญหาสังคม หมายถึง สภาวการณ์ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อคนจำนวนมากในสังคมและเห็นว่าควรร่วม กันแก้ปัญหานั้นให้ดีขึ้น
Horton และ Leslie[1] ให้ความหมายไว้ว่าปัญหาสังคมเป็นสภาวการณ์ที่มีผลต่อคนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาและมีความรู้สึกว่าจะต้องร่วมกันแก้ไข
Raab และ Selznick[2] เสนอสรุปได้ว่า ปัญหาสังคมคือปัญหาในส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในสังคมในลักษณะที่ขัดต่อระเบียบของสังคม
1.2 สาเหตุของการเกิดปัญหาสังคม
จากการศึกษาสาเหตุของปัญหาสังคมของนักสังคมวิทยาหลายท่านปรากฏว่าผู้ศึกษาได้เสนอสาเหตุปัญหาสังคมไว้ดังต่อไปนี้
1.2.1 ลักษณะของปัญหาสังคมที่สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change) มีดังนี้
-  การเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง
- การเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม
-   การเพิ่มประชากร
-   การอพยพ
-   การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี
-   การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ย่อมก่อให้เกิดปัญหา
-   การเปลี่ยนบรรทัดฐานของสังคม
1.2.2 ลักษณะของปัญหาสังคมที่สืบเนื่องมาจากความไม่เป็นระเบียบของสังคม หมายถึง ภาวะที่สังคมหรือสถาบันพื้นฐานทางสังคม ไม่สามารถจะควบคุมสมาชิกของสังคมให้ปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่สำคัญ 4 ประการ กล่าวคือ
-  ความล้มเหลวของกลุ่มจารีตประเพณีหรือสถาบันพื้นฐาน
-  ผลประโยชน์ของกลุ่มชนขัดกัน
 - หน้าที่ตามสถานภาพและบทบาทที่ขัดแย้งกัน
-  ความผิดพลาดในการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแผนของสังคม [3]
1.2.3  ลักษณะของปัญหาสังคมที่สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากบรรทัดของสังคมพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐานของสังคมเป็นพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับและไม่อาจทนได้ สังคมเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของสังคมและมีผลกระทบต่อสังคมโดยส่วนร่วม เช่น ผู้เสพติดให้โทษ การที่คนเรามีพฤติกรรมเบี่ยงเบนนั้น เกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ปัจจัยทางชีววิทยา(Biological Factor) ปัจจัยทางจิต (Mental factor) ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Factor) ปัจจัยค่านิยมทางสังคม (Social Value) ปัจจัยโครงสร้างทางสังคม (social structure factor) เป็นต้น
2. หลักอริยสัจ 4
อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่ 4ประการ คือ
1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น
2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
4. มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์
3. การประยุกต์ใช้ อริยสัจ 4 ในการแก้ปัญหาสังคมของเยาวชนไทยในปัจจุบัน
ปัญหาทางสังคมของเยาวชนไทยมีทางแก้ไขอยู่หลายทางด้วยด้วยกันเพราะบางปัญหานั้นล้วนจะมีความสัมพันธ์กันทั้งสิ้น และการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทางพระพุทธศาสนาด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยหลักอริยสัจ 4 นั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 วิธีคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
หลักอริยสัจ 4 เป็นวิธีการแห่งปัญญา ซึ่งดำเนินการแก้ปัญหาตามเหตุผลตามเหตุปัจจัย คือ การแก้ปัญหาของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เป็นสัจธรรมความจริงที่เกี่ยวกับชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด อยู่ในเพศหรือภาวะใด จะต้องประสบด้วยกันทั้งสิ้น
เพื่อยืนยันถึงหลักอริยสัจว่าเป็นกระบวนการแก้ปัญหาทุกอย่างโดยเฉพาะในการ แก้ปัญหาชีวิตในสังคม จึงขอเสนอแนะนำหลักอริยสัจ 4 มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาทางสังคมของเยาวชนไทยได้ตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
3.1 ขั้นที่ 1 ทุกข์ ขั้นตัวปัญหา (Case)
จัดเป็นขั้นแถลงหรือแสดงปัญหาทางสังคมของเยาวชนไทยที่เกิดขึ้นที่จะต้องทำความเข้าใจและรู้รอบเขต กล่าวคือ ต้องรู้สภาพปัญหา โดยต้องทำใจยอมรับ ทำความเข้าใจ
ปัญหาของเยาวชนที่พบมากในปัจจุบันที่ยกมาเป็นตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ คือ ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ปัญหายาเสพติด และปัญหาการติดเกมส์
ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
ปัญหายาเสพติด กำลังระบาดในหมู่เยาวชน  ปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีคนติดสิ่งเสพติดมากกว่าสองล้านคน  ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน[4]
 และปัญหาการติดเกมส์  เป็นปัญหาที่ถือว่าสำคัญเป็นอย่างมากเพราะเด็กสมัยนี้เป็นสมัยนิยมเกมส์ และเป็นตัวที่ดึงเยาวชนออกจากการศึกษา ออกจากคุณธรรมจริยธรรม เด็กและเยาวชนบางคนใช้เวลาอยู่ในร้านเกมส์มากกว่าอยู่โรงเรียนและอยู่บ้าน จนทำให้เยาวชนเกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือถึงขั้นเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนละคนกันเลยก็มี และการเบียงเบนไปในทางที่เลียนแบบตัวละคร จนกระทั่งถึงการก่ออาชญากรรมตามเกมส์นั้นได้อย่างง่ายดาย  
3.2 ขั้นที่ 2 สมุทัย ขั้นสาเหตุของปัญหา (Cause)
จัดเป็นขั้นวิเคราะห์และวินิจฉัยมูลเหตุของปัญหาซึ่งจะต้องแก้ไขกำจัดให้หมด สิ้นไป กล่าวคือ ต้องแสวงหาสาเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาปัญหาทางสังคมของเยาวชน โดยให้เฟ้นหาสาเหตุแห่งปัญหาหรือความทุกข์ต่างๆ ให้ถูกต้องชัดเจน และต้องเป็นสาเหตุต้นตอจริงๆ
แน่นอนว่าปัญหาทุกปัญหานั้นย่อมมีที่มาและจุดมุ่งหมายและหลายปัญหานั้นจะมีความสัมพันธ์กันอย่างที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะบางปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากที่เดียวกัน และแยกออกมามากมาย เช่น ปัญหาครอบครัวซึ่งบางครอบครัวที่มีปัญหาอาจจะมีสาเหตุมากจากพิษเศรษฐกิจ ที่ทำให้หารายได้มาไม่พอกับรายจ่ายจนทำให้เกิดการทะเลาะภายในครอบครัว และพิษเศรษฐกิจที่ว่านี้อาจจะทำให้คนที่ตกงานไม่มีงานไม่มีเงินต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดด้วยการปล้นบ้าง วิ่งราวบ้าง หรือทำการฆ่าตัวตายหนีปัญหาหนี้สินรุงรังก็ได้
3.2.1 ปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร นับว่าเป็นปัญหาสังคมระดับชาติปัญหาหนึ่งที่จะต้องเร่งแก้ไข ซึ่งจะเป็นปัญหาทางสังคมของเยาวชนไทยตลอดมา เพราะการขาดการป้องกันในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะโทษตัวเยาวชนเองก็ไม่ได้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันนั้นจะเป็นการกระทำของตัวเยาวชนเอง แต่ก็มีเหมือนกันที่เยาวชนจะโดนมอมยา หรือถูกกระทำชำเรา รวมทั้งการถูกข่มขืน
ปัญหาเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของเยาวชนอาจจะมีเหตุผลมาจากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลกของยุคโลกาภิวัตน์  มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกล  แต่ในขณะเดียวกันคนในสังคมกลับไม่ยกระดับของตนเองให้สูงเหมือนกับเทคโนโลยีทำให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ผิดๆ โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม แต่กลับนำมาสร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง เช่น  การทำสื่อลามกอนาจาร  การเผยแพร่รูปลามกต่างๆ  เป็นต้น  การกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางให้เด็กและเยาวชนรับข้อมูลที่ผิดและไม่เกิดประโยชน์ ทำให้มองว่าการแสดงออกทางเพศและการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องปกติและการรับวัฒนธรรมจากต่างชาติเข้ามาจนทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ว่า การแสดงออกทางเพศในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้น่าอายแต่อย่างใด
 การขาดความดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวก็เป็นประเด็นเหมือนกัน  เพราะบางครอบครัวมีการดูแลอย่างปล่อยปละละเลย  ให้อิสระมากเกินไป เกินความเหมาะสม และส่วนใหญ่อาจจะได้รับความรู้ในเรื่องเพศอย่างไม่ถูกต้อง  ที่จริงแล้ว พ่อ แม่ สามารถเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาได้เป็นคนแรก  สื่อสารความคาดหวังและค่านิยมเรื่องเพศจะช่วยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้สามารถตัดสินใจในสิ่งที่จะเป็นผลดีได้
3.2.2 ปัญหายาเสพติด รวมทั้งปัญหาเรื่องบุหรี่ เหล้า การพนัน การกินเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้นมาทำขึ้นมา และผู้ใหญ่ก็ปฏิบัติกันอยู่แล้ว เยาวชนเห็นตัวอย่างก็กิน สูบและเสพเหมือนผู้ใหญ่[5]
1. การถูกชักจูงก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนหันมาเสพติดยาเหล่านี้คือ ถูกชักชวนให้ทดลองเสพยาโดยเพื่อนผู้ที่ใช้และติดยาเสพติด และส่วนใหญ่รู้จักยาจากเพื่อน ได้รับยาครั้งแรกจากเพื่อน ใช้ยาครั้งแรกที่บ้านเพื่อน และเป็นผู้ที่มักจะหันไปปรึกษาเพื่อนเมื่อมีปัญหาเพื่อนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการชักนำใช้ยาเสพติดในการแก้ไขปัญหาหรือหนีปัญหาของตยเอง
  2. สภาพแวดล้อมที่มีความกดดันต่อจิตใจ ความกดดันต่อจิตใจจากสภาพแวดล้อม จะเป็นแรงดันให้เยาวชนหันไปใช้ยาเสพติดเป็นทางออกหรือทางหนี สภาพในครอบครัวย่อมเป็นเหตุของความกดดันของเด็กได้ เช่น เด็กที่ไม่มีความสุขที่บ้าน พ่อแม่แตกแยกกัน พ่อหรือแม่เป็นผู้มีบุคลิกภาพหรืออุปนิสัยไม่ดี ติดสุราหรือยาเสพติด เด็กที่ขาดความรัก เป็นต้น หลายคนไม่มีความสุข เขารู้สึกเศร้าใจ รู้สึกทุกข์ใจ มีปัญหาต่างๆ รอบตัวโดยเฉพาะเรื่องในครอบครัว ความไม่ลงรอยกันในครอบครัว ความขัดแย้งกันของคุณพ่อคุณแม่ การทะเลาะเบาะแว้งกันที่บางทีถึงขนาดทำร้ายร่างกายกัน ทำให้รู้สึกไม่มีความสุข กลัดกลุ้มใจ ทุกข์ใจ ก็ทำให้จมอยู่กับยาเสพติด บางคนอาจลองด้วยความตั้งใจ เพราะรู้สึกว่าในขณะที่ชีวิตไม่มีความสุขนั้น มีบางสิ่งบางอย่างที่ให้ความสุขได้ ทำให้ลืมความทุกข์ต่างๆ เหล่านี้ไปได้
    3. ความอยากรู้และอยากทดลอง ในสังคมที่ยาเสพติดหาได้ง่าย โอกาสที่จะหันไปลองใช้ยาเสพติดในการแก้ไขปัญหาที่เยาวชนแก้ไขปัญหาไม่ได้ใช้ในการแก้ไขปัญหาของตนและทำให้ติดยาก็มีมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมบางแห่งมีการลักลอบค้ายาเสพติดกันมาก ยานั้นก็หาได้ง่าย มีผลให้เกิดปัญหายาเสพติดรุนแรงและกว้างขวางขึ้นผู้ที่เคยใช้หรือติดยาเสพติด เป็นผู้ที่รู้แหล่งที่อาจหายาเสพติดได้ ย่อมชักนำเพื่อนไปใช้ยาเสพติดได้บางคนอาจชักนำไปเพื่อตนเองได้มีส่วนได้รับยาเสพติดด้วย
4. สภาวะแวดล้อมไม่ดีในสภาพสังคมที่เสื่อม มีประชากรมาก แต่มีเครื่องอุปโภคบริโภค และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ขาดแคลน ต้องแย่งกันใช้ ผู้คนต้องวุ่นวายอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขาดการดำเนินงานในระยะยาว ความหวังสำหรับอนาคตรางเลือนไป เยาวชนก็ขาดการแนะนำชักจูงไปในทางที่ดีในทางที่เสริมสร้างกิจกรรมด้านเสริมสร้างมีน้อย เยาวชนจึงหันไปใช้เวลาว่างไปในทางเสื่อม การที่เยาวชนมีเวลาว่าง และไม่มีสิ่งใดที่เพลิดเพลินและพอใจให้ทำในเวลาว่าง ทำให้เยาวชนไปมั่วสุมกันในที่ต่างๆ เป็นก๊วน หรือแก๊งขึ้น และชักจูงกันไปทำสิ่งต่างๆ ถ้ามีเพื่อนที่ไม่ดีอยู่ร่วมในกลุ่ม ก็อาจชักนำไปในทางอบายมุขต่างๆ เช่น การพนัน การมั่วสุมทางเพศ ตลอดจนการใช้บุหรี่ เหล้า และยาเสพติดต่างๆ

3.2.3 ปัญหาการติดเกมส์ การติดเกมส์ก็เป็นปัญหาอย่างมาก บางทีที่เด็กหรือเยาวชนเล่นเกมส์ก็ไม่ได้มีใครเอาใจใส่สักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าอยู่ตรงนี้แล้วไม่ไปไหน แต่ในด้านสภาพจิดใจที่เกิดการหมกมุ่นอยู่แต่ในสิ่งที่ตนกำลังทำ กำลังค้นหา การเล่นเกมส์นั้นเล่นเพื่อชนะ เมื่อชนะแล้วก้ไม่อยาดแพ้ เมื่อชนะนั่นย่อมทำให้เกิดความภูมิใจ และอยากเป็นเหมือนตัวละครในเกมส์จนก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เมื่อเกิดพฤติกรรมเลียนแบบแค่นั้นยังไม่พอก็ยังมีการกระทำเลียนแบบตัวละครจนทำให้เด็กติดเกมส์ใช้พฤติกรรมเลียนแบบนั้นในชีวิตจริงขึ้นมา จนทำให้เกิดอาชญากรรม หรือบางทีเด็กเล่นเกมส์มากๆ และนานจนทำให้เด็กขาดการพักผ่อนผลที่สุดอาจจะทำให้เด้กซ็อกหรือจนกระทั่งเสียชีวิตในร้านเกมส์ก็มี จากการสำรวจเด็กและเยาวชน 11-24 ปี พบว่า 3 ล้านคนเล่นเกมส์ และมีสถิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมส์ ทั้งนี้เป็นการออนไลน์ที่ไม่ได้ประโยชน์ โดยใช้ออนไลน์เพื่อเล่นมากกว่าการค้นคว้าและทำงาน ซึ่งเป็นทั่วทั้งโลก  สิ่งที่น่าห่วงคือเล่นเกมส์มากเกินไปจนติดเกมส์
สาเหตุหลัก ๆ คือ เป็นเพราะขาดการปลูกฝังเรื่องวินัยและความรับผิดชอบ บ่อยครั้งเกิดจากพ่อแม่รักลูกมากเกินไป เน้นเรื่องเรียนอย่างเดียว ขาดการพัฒนาทางอารมณ์ และไม่ได้รับความสุขใจจากการมีกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ หรือมีโอกาสประสบความสำเร็จทางด้านใดเลย จึงทำให้ยึดติดกับความสุขที่ได้รับจากเกม หรือขาดแม้แต่ความสุขในบ้าน ไม่มีบรรยากาศอบอุ่นในครอบครัว พ่อแม่ทะเลาะกัน ขาดการทำกิจกรรมร่วมกัน
การมีเวลาว่างมากเกินไปจนทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้เล่นเกมส์แทนเวลาว่างที่มี และการใช้เวลาว่างนี้ในการเล่นเกมส์เวลาอื่นๆ ย่อมจะเป็นเวลาเล่นเกมส์ด้วยเหมือนกัน
การขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวก็เหมือนกัน ก็ส่งผลให้เด็กเล่นเกมส์แทนที่จะอ่านหนังสือ ทบทวนตำรา แต่การที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เอาใจใส่ดูแลจนก่อให้เกิดการติดเกมส์นี้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากเล่นวันละนิดละหน่อยก็กลายเป็นเล่นเกือบทุกเวลา จนกระทั่งถึงขั้นเสพติดเกมส์
   
3.3 ขั้นที่ 3 นิโรธ ขั้นดับปัญหาหรือหมดปัญหา (Clear)
จัดเป็นขั้นชี้บอกภาวะปราศจากปัญหาซึ่งเป็นจุดหมายที่ต้องการ ให้เห็นว่าการแก้ปัญหานั้นเป็นไปได้ โดยกำหนดจุดหมายปลายทางที่แน่นอน พร้อมทั้งกำหนดจุดหมายและเป้าหมายรองไว้ด้วยว่าแต่ละขั้นตอนนั้นมีจุดหมาย และเป้าหมายเพียงใดแค่ไหน
3.3.1 ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
  การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรเริ่มลดลงจากการได้รับความรู้เรื่องการป้องกันรวมถึงคาวมรู้ในเรื่องคุณและโทษของการมีเพศสัสมพันธ์โดยที่ไม่รับการป้องกัน และการติดตามผลดูแลเอาใจใส่แนะนำแก้ไขในเรื่องของพฤติกรรมเสี่ยง
3.3.2 ปัญหายาเสพติด
  เยาวชนที่ติดยารวมทั้งที่กำลังจะติดยาลดน้อยลง และได้รับการบำบัด การยอมรับในสังคม จากการดูแลเอาใจใส่ในระดับต่าง ๆ ของสังคม
3.3.3 ปัญหาการติดเกมส์
  การเล่นเกมของเยาวชนเริ่มลดระดับความรุนแรงลงในเรื่องของการเล่นที่เริ่มจะเล่นอย่างเป็นเวลาโดยไม่เสียการเรียน หรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่าง แต่เป็นการเล่นเพื่อคลายเครียดทางหนึ่ง และปัญหาต่างๆ ที่ชักนำไปสู่การเล่นเกมส์เพื่อหนีปัญหาได้รับการแก้ไขและการทำความเข้าใจ
3.4 ขั้นที่ 4 มรรค ขั้นลงมือแก้ปัญหา (Crack)
จัดเป็นขั้นกำหนดวิธีการและรายละเอียดที่จะต้องปฏิบัติในการลงมือแก้ปัญหา กล่าวคือ การลงมือปฏิบัติหรือดำเนินการตามวิธีการอย่างละเอียดเพื่อแก้ปัญหาไปตามขั้นตอน โดยกำหนดวางวิธีการ วางแผนงานและรายการที่จะต้องทำให้ละเอียด เป็นต้น
3.4.1 การให้ความรู้แก่เยาวชน การให้ความรู้แก่เยาวชนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากที่พอจะป้องกันเยาวชนจากปัญหาทางสังคมเหล่านี้ได้ เพราะการให้ความรู้แก่เยาวชนอย่างน้อยก็พอที่จะทำให้เยาวชนโดยส่วนมากมีความรู้ในเรื่องผลกระทบของปัญหาดังกล่าว และหาทางป้องกันด้วยตนเองได้อย่างถุกวิธีและเหมาะสมที่สุด ตามที่เยาวชนได้เรียนรู้มาจาก ครอบครัวหรือสถาบันการศึกษารวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องที่รณรงค์ในเรื่องดังกล่าว
  1) ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เพราะห้ามเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว มันเป็นพัฒนาการด้านหนึ่ง ในวัยเจริญพันธุ์ แต่ต้องแนะนำหรือรณรงค์ให้เด็กรับรู้ถึงปัญหา การเรียนรู้และรู้วิธีป้องกันตัวเอง โดยการบอกว่าควรทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม พร้อมต้องให้ความรู้ที่เหมาะสมด้วย เหมาะสมในที่นี้ก็คือ มีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่เหมาะสมไม่ได้ห้ามเด็กมีเพศสัมพันธ์กัน และเพื่อให้เด็กเข้าใจมากขึ้น ผู้ปกครองหรือครอบครัวจะต้องให้ความไกล้ชิดและความรู้ในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์รวมถึงวิธีการป้องกันทั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์และหลังมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเยาวชนรับรู้ถึงผลกระทบที่ตามมานั้นย่อมทำให้เยาวชนมีความเกรงกลัวที่จะหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านั้น หรือทำการป้องกันตัวเองจากการมีเพศสัมธ์ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมที่จะมีการตั้งครรภ์ และปัญหาการตั้งท้องก่อนวัยอันควรย่อมจะลดลงตามลำดับ
  2) การให้ความรู้เรื่องโทษของยาเสพย์ติด ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเดียว เพราะการที่จะให้ความรู้เรื่องผลกระทบหรือโทษของยาเสพติดนี้จะต้องเริ่มจากบุคคลต้นแบบหรือบุคคลตัวอย่างที่ไกล้ชิดของเด้กเอง นั่นก็คือครอบครัว พ่อแม่ ของเด็กและเยาวชนนั่นเอง เพราะครอบครัว คือสิ่งที่เยาวชนเรียนรู้ เชื่อฟัง และยอมรับเป็นอันดับแรก และครอบครัวนี้เองที่เป็นตัวอย่างของเยาวชนในการดำเนินชีวิต หากครอบครัวของเยาวชนหรือคนในครอบครัวติดยา ติดสิ่งเสพติด นั่นย่อมทำให้เกิดการเลียนแบบ เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกัน เมื่อคิดเช่นนี้เป็นอันว่าจบ แต่สามารถที่จะแก้ไขได้ ด้วยการให้ความรู้โดยเริ่มต้นจากครอบครัวที่จะให้การสนับสนุน ในเรื่องการให้ความรู้เรื่องโทษของสิ่งเสพติด ที่จะแนะนำให้เยาวชนไปในทางที่ถูกต้องตาม มติของสังคมที่ดีงาม  
  เมื่อเด็กได้รับการอบรมได้รับการชี้ให้เห็นโทษของยาเสพติดเยาวชนก็ย่อมที่จะเกิดความเกรงกลัวในผลกระทบที่จะตามมานั้น
  3) พ่อแม่ควรมีความรู้เรื่องเกมส์ ช่วยลูกเลือกเกมส์ที่ควรเล่นไม่ควรเล่น จัดวินัยในการเล่นเกมส์เป็นเวลา สำคัญมากเป็นการปูพื้นข้อตกลงกัน ซึ่งถ้าละเมิดสามารถลงโทษโดยลดเวลาในการเล่นเกมส์ ถ้าทำได้อาจเพิ่มเวลาให้บ้าง สำหรับวัยรุ่นในปัจจุบันต้องเลี่ยงการตำหนิหรืออบรมสั่งสอนโดยตรง แต่ให้กระตุ้นให้พูดถึงผลกระทบของการเล่นเกมส์ที่มีผลเสียต่อตนเองและครอบครัว
  3.4.2 การสอดส่องดูแลความประพฤติของเยาวชนอย่างใกล้ชิด จัดได้ว่าสำคัญมากเพราะเป็นการติดตามผลที่ได้ให้ความรู้แก่เยาวชน ว่าเยาวชนที่ได้รับความรู้นั้นจะนำความรู้ที่ว่านั้นไปใช้ในทางที่ดีไหมอย่างไร หรือมีการใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ได้หรือไม่ เพราะบางทีเยาวชนที่ยังอ่อนต่อโลกภายนอกหรือขาดการตัดสินใจที่ไม่เด้ดขาดย่อมจะถูกชักจูงได้ง่ายๆ มาก
    1) การที่เยาวชนจะมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นไปได้ง่ายมาก เพราะบางทีเยาวชนก็เป็นเด็กที่มีปัญหามาก่อน การมีแนวคิดทางตะวันตกอย่างการฟรีเซ็กส์ที่มีกันอย่างแพร่หลายหรือกระทั่งการล่าแต้มที่กำลังเป็นที่นิยมกัน และการคบเพื่อนหมู่มาก การขาดการตัดสินใจ หรือกระทั่งการขาดประสบการณ์ในสิ่งเหล่านี้ทำให้เยาวชนเกิดความอยากรู้อยากลองในสิ่งผิด ดังนั้นการดูแลหรือการสังเกตุการณ์อย่างไกล้ชิด และคอยแนะนำเยาวชนในบางกรณีที่เด็กขาดการยับยั้งชั่งใจ หรือกำลังลังเลที่จะตัดสินใจ และพอจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกตัวได้บ้าง
  2) กลุ่มเพื่อนก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าผู้ปกครองหรือพ่อแม่ยอมรับเพื่อนของลูก ก็ทำให้สามารถติดตามได้ว่าเขาไปทำอะไรกันที่ไหนบ้าง แต่ถ้าปฏิเสธไม่ยอมรับ เด็กก็จะเริ่มไม่บอกความจริงอย่างตรงไปตรงมา อาจยังแอบคบหาสมาคมกันโดยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งข้อนี้จะเป็นอันตรายมากกว่า เพราะไม่มีทางทราบว่าตัวเยาวชนเองนั้นไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรบ้าง แต่ถ้าเปิดใจรับให้เพื่อนของลูกเข้ามาในบ้าน เข้ามาพูดคุยกัน ทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกันที่บ้าน ซึ่งดูแล้วอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม จะได้เห็นลูกกับเพื่อนในสายตาอยู่เกือบตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยได้มากทีเดียวว่า ขณะนี้เขาไปทำอะไรที่ไหนบ้าง และการที่เราเปิดเผย  การยอมรับในเรื่องต่างๆ เช่นนี้ จะทำให้ตัวเยาวชนเองก็พร้อมที่จะเปิดเผยกับพ่อแม่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการร่วมมือกันอย่างนี้ก็เป็นการช่วยกันไม่ให้เยาวชนหันเข้าไปหายาเสพติดกันได้
  3) การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดในเยาวชนที่ติดเกมส์ เพราะเกมส์คือจินตนาการที่เยาวชนยอมรับและซึมซับเข้าใปในอารมณื เมื่อเริ่มเล่นก็ยากที่จะเลิกเล่นเมื่อยังไม่ชนะ พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องดุและเอาใจใส่อย่างไกล้ชิดด้วย เพราะการขาดวินัยในการเล่นเกมส์นี้มักจะทำให้เด็กใช้เวลาในการเล่นอย่างเดียว แต่ความจะหาเวลาให้เด็กได้พักผ่อน ได้ทำกิจกรรมนันทนาการ เพราะการทำกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เยาวชนเบี่ยงเบนความสนใจจากหน้าจอ มาเป็นสนใจในกิจกรรมที่ทำอยู่นั้น และเป็นการฝึกเรื่องวินัยไปในตัวอีกด้วย
  3.4.3 การบำบัดและรักษาทางจิตใจของเยาวชน
  การพูดคุยก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่ว่าจะพูดอย่างไรจึงจะพอเหมาะ ด้วยความกังวลใจ กลัวว่าอาจจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเยาวชนที่มีปัญหามากขึ้น เข้าไปควบคุม เข้าไปกำกับดูแล ลักษณะเช่นนี้ต้องระวัง เขาไม่ชอบให้เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเขา การใช้วิธีพูดคุยกันในทำนองของการไถ่ถามถึงเรื่องราวทั่วๆ ไป เปิดโอกาสให้มีโอกาสได้ปรึกษาหารือ และพร้อมที่จะรับฟังปัญหา จะทำให้ความรู้สึกต่อต้านของเด็กลดลง เมื่อเด็กเห็นว่ามีความไว้วางใจ ตัวเด็กก็จะยินดีให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาว่าเวลานี้ เขาคิดอย่างไร เขารู้สึกอย่างไร
  1) ในบางครั้งเมื่อเยาวชนตั้งครรภ์ มักจะไม่กล้าเข้าหาพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง แต่มักจะเข้าหาเพื่อน หาอะไรที่คลายทุกข์ในสิ่งที่ตนเองคิดว่าสิ่งนี้ใช่เลย แต่หารู้ไม่ว่าพ่อแม่นั้นย่อมรักลูกและจะรักลูกในท้องอีกด้วย เพราะพ่อแม่นั้นย่อมให้อภัยในการกระทำของลูกอยู่เสมอ ในเมื่อลุกไม่เข้าหา ฉะนั้นจึงเป็นทีของพ่อแม่จะเป็นฝ่ายเข้าหาเยาวชนเองบ้าง ไปคลุกคลีบ้าง เพื่อที่จะทำให้เยาวชนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกว่าที่เป็นอยู่ เพราะปัญหาบางปัญหานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากและมีผลกระทบไปในทางจิตใจขอเยาวชนเอง ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนที่ตั้งครรภ์ นั่นก็หมายความว่าเยาวชนที่ตั้งครรภ์นั้นต้องคิดหนัก ปัญหาหลายอย่างนั้นโถมเข้ามาอย่างหนัก หรือบางคนอาจจะแก้ปัญหาไม่ตก และไม่กล้าที่จะปรึกษาใครผลสุดท้ายอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาเลยก็ได้ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเข้าหาเยาวชนในเชิงรุกรับอย่างมั่นคง เป็นที่แน่นอนว่าเด็กย่อมอยากที่จะมีที่ระบายเพื่อความสบายใจ อยากแก้ปัญหาให้ตก การให้คำปรึกษาก้เป็นวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหาทางจิตใจของเยาวชนที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้
  2) การที่เด็กที่มีปัญหาการติดยานั้นมักจะเกิดจากหลายปัญหาด้วยกัน บ้างก็เกิดจากเพื่อน เกิดจากสภาพแวดล้อม เกิดจากสถานการณ์พาไปแต่ในบางกรณีเหมือนกันที่เยาวชนนั้นเสพยาเพราะสภาพบีบคั้นทางจิตใจหาทางออกไม่ได้จนต้องพึ่งยาเสพติดเพื่อหนีจากสภาพปัญหาเหล่านั้นหรือบางทีที่เยาวชนมีปัญหาย่อมหาทางออกไม่ได้แน่ๆอยู่แล้วเพราะถ้าหาทางออกได้คงไม่ต้องไปพึ่งยาให้เสียเวลา การที่ต้องเจอสภาพบีบคั้นมากๆมักจะทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้และถูกชักจูงได้ง่ายมาก และการบำบัดนี้จำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่เคยเสพยามาก่อน และมีความต้องการที่จะเลิกเสพยา กำลังใจจึงจำเป็นอย่างมากในการยกระดับจิตใจในการเอาชนะใจของตนเองในการพยายามเลิกเสพยาเสพติด หรือบางทีอาจไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอีก จนทำให้หันกลับมาเสพอีกเหมือนเดิมได้เหมือนกัน
  3) เยาวชนบางกลุ่มมักจะเลือกหนีโลกความเป็นจริงไปพึ่งเกมส์เพื่อบำบัดจิตใจของตนเอง ด้วยการระบายอารมณ์ใส่เกมส์ที่เล่นนั้น หรือบางที่ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมส์นั้นจนกลายเป็นอาชกรไปก็มี เพราะเยาวชนมีปัญหาจึงพึ่งเกมส์ การที่เยาวชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น