วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 14 คำศัพท์

คำศัพท์

1.Strategy Development   =   การพัฒนากลยุทธ์

2.Resource Management   =   การจัดการทรัพยากร

3.Data Resources   =   ทรัพยากรข้อมูล

4.Economically   =   ด้านเศรษฐกิจ

5.Efficiently   =   ด้านประสิทธิผล

6.Effectively   =   ด้านประสิทธิภาพ

7.System Development Strategies  =  กลยุทธ์การพัฒนาระบบ

8.Global Systems Development  =  การพัฒนาระบบไร้พรมแดน

9.Social    =    สังคม

10.Management Global IT   =   การจัดการไอทีไร้พรมแดน

บทที่ 13 คำศัพท์

คำศัพท์

1.System design : การออกแบบระบบ


2.Variable : ตัวแปร


3.Virtual storage : หน่วยเก็บเสมือน

4.Assistive technology  :  เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก

5.Backbone    :    โครงข่ายการสื่อสาร

6.Information Literacy    :   การรู้สารสนเทศ

7.Disaster Recovery    :    การกู้คืนข้อมูลที่เสียหาย

8.Iris Recognition System    :    ระบบการจดจำม่านตา

9.A Hand Geometry    :    เครื่องพิมพ์ลายเส้นบนฝ่ามือ

10.Backup Files    :    การสำรองแฟ้มข้อมูล  


บทที่ 12 คำศัพท์

คำศัพท์

1.program : ชุดคำสั่ง

2.Mouse : เมาส์

3.Multiprocessing : การประมวลผลหลายตัว

4.network data structure : โครงสร้างข้อมูลแบบเครือข่าย

5.nonvolatile storage : หน่วยความจำไม่ลบเลือน

6.Simulation : การจำลอง

7.String : อักขระ

8.Structured programming : การเขียนโปรแกรมโครงสร้าง

9.System : ระบบ

10.System analyst : นักวิเคราะห์ระบบ

บทที่ 11 คำศัพท์

คำศัพท์

1.item : หน่วยข้อมูล

2.light pen : ปากกาแสง

3.Machine language : ภาษาเครื่อง

4.magnetic storage : หน่วยความจำแม่เหล็ก

5.opreand : ตัวถูกดำเนินการ

6.Operating System : ระบบปฏิบัติการ

7.Operating code : รหัสดำเนินการ

8.personal computer : คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

9.pointer : ตัวชี้

10.primary storage section : หน่วยเก็บหลัก

บทที่ 10 คำศัพท์

คำศัพท์

1.mainframe : คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่

2.maintenance programming : รักษาโปรแกรม

3.management information system : ระบบสารสนเทศเพื่อการ

                                                          จัดการ

4.master file : แฟ้มข้อมูลหลัก

5.menu : รายการเลือก

6.microcomputer : ไมโครคอมพิวเตอร์

7.microprocessor : ตัวประมวลผล

8.minicomputer : คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก

9.internal storage : หน่วยเก็บภายใน

10.interpreter : ตัวแปลคำสั่งหรือชุดคำสั่งแปลคำสั่ง

บทที่ 9 คำศัพท์

คำศัพท์

1.instruction : คำสั่งหรือคำสั่งเครื่อง

2.interactive system : ระบบเชิงโต้ตอบ

3.interface : ตัวเชื่อมประสาน

4.expert system : ระบบผู้เชี่ยวชาญ

5.facsimile system : ระบบโทรภาพ, โทรสาร

6.fiber-optic cable : สายเส้นใยนำแสง

7.field : เขตข้อมูล

8.flowchart : ผังงาน

9.front-end processor : ตัวประมวลผลส่วนหน้า

10.function : ส่วนหน้าที่ย่อย

บทที่ 8 คำศัพท์

คำศัพท์

1.deagnosties : การวินิจฉัย

2.diskette : แผ่นบันทึก

3.distributed data processing : การประมวลผลข้อมูลแบบกระจาย

4.documnutation : การจัดทำเอกสาร

5.electronic mail : การสื่อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์

6.electronic apreadsheet program : โปรแกรมกระดาษทำการ
                                                             
                                                         อิเล็กทรอนิกส์


7.executive routine : ชุดคำสั่งประจำกระทำการ

8.hard disk : จานบันทึกแบบแข็ง

9.hardware : ส่วนเครื่อง หรือส่วนอุปกรณ์

10.input/output : รับเข้า/ส่งออก

บทที่ 7 คำศัพท์

คำศัพท์

1.data base administrator : การบริหารฐานข้อมูล

2.data base management system : ระบบการจัดการฐานข้อมูล

3.cathaode ray tube : หลอดภาพ

4.central processing unit : หน่วยประมวลผลกลาง

5.compiler : ตัวแปลชุดคำสั่งหรือชุดคำสั่งแปลชุดคำสั่ง

6.console : ส่วนเฝ้าคุมหรือจอเฝ้าคุม

7.data communications : การสื่อสารข้อมูล

8.data processing : การประมวลผลข้อมูล

9.debug : แก้จุดบกพร่อง

10.decision support system : ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ

บทที่ 6 คำศัพท์

คำศัพท์

1. e-Learning = การเรียนการสอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

2. e – Book = หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

3. e-Library = ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์

4. Lifelong Learning = การเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอด                                     ชีวิต


5. Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศ


6. Prime Minister Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการ                                                                             นายกรัฐมนตรี


7. Ministerial Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการกระ                                                                        ทรวงศึกษาธิการ


8. Department Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการ สพฐ.


9. Provincial Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัด


10. Area Provincial Operation Center = ศูนย์ปฏิบัติการ สพท.ทุก                                                               เขตในจังหวัด

บทที่ 5 คำศัพท์

คำศัพท์

1.Intranet = เครือข่ายภายใน

2.Internet = เครือข่ายภายนอก

3.E- GOVERNMENT = เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการบริหารงาน                                      ของรัฐบาล

4.E-COMMERCE = เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการพานิชย์กรรม

5.E-INDUSTRY = เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการอุตสาหกรรม

6.E-EDUCATION = เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษา

7.E-SOCIETY = เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสังคม

8.Knowledge = ความรู้

9.Content = สาระทางการศึกษา

10.Courseware center = ศูนย์ข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์

บทที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์

1.Central Processer Unit   =   หน่วยประมวลผลกลาง

2.Data   =   ข้อมูล

3.Database   =   ฐานข้อมูล

4.Information   =   สารสนเทศ

5.Network   =   ระบบเครือข่าย

6.Operation   =   ระดับปฏิบัติการ

7.Executive Information System   =   เทคโนโลยีสารสนเทศของ                                                            ผู้บริหาร

8.Information & Communication Technology    =    เทคโนโลยี                                                            สารสนเทศ และการสื่อสาร

9.Local Area Network    =    เครือข่ายเฉพาะพื้นที่

10.Wide Area Network    =    เครือข่ายหลายพื้นที่

บทที่ 3 คำศัพท์

คำศัพท์

1.Storage    =    หน่วยจัดเก็บข้อมูล

2.Processing    =    หน่วยประมวลผล

3.Network Servers    =    คอมพิวเตอร์บริการเครือข่าย

4.Digital cameras    =    กล้องถ่ายรูปดิจิทัล

5.Touchpad    =    ตัวชี้สัมผัส

6.Handheld Computer    =    คอมพิวเตอร์ขนาดมือถือ

7.Laser Printer   =    เครื่องพิมพ์เลเซอร์

8.Inkjet Printer    =    เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก

9.Magnetic Disks    =   จานแม่เหล็ก

10.Magnetic Tape Reels    =    ม้วนเทปแม่เหล็ก

บทที่ 2 คำศัพท์

คำศัพท์

1.Sale Information    =    การขายสารสนเทศ

2.Store Dimensions    =    การจัดเก็บแบบกลุ่ม

3.Competitive Strategy Concepts    =    แนวคิดกลยุทธ์การแข่งขัน

4.Cost Leadership Strategy    =    กลยุทธ์ผู้นำในการประหยัดงบ                                                             ประมาณ

5.Growth Strategies    =    กลยุทธ์ที่ก่อให้เกิดความเจริญเติบโต

6.Alliance Strategies    =    กลยุทธ์พันธมิตรหรือสหพันธ์

7.Marketing and Advertising    =    การทำตลาดและการโฆษณา                                                                ขายสินค้า

8.Strategic Uses of IT    =    กลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

9.Brand    =    ตราสัญลักษณ์

10.The Role of Information Technology    =    บทบาทของ                                                                                  เทคโนโลยีสารสนเทศ


บทที่ 1 คำศัพท์

คำศัพท์

1.voice recognition    =    การจดจำเสียง

2.Teleconference    =    การประชุมทางไกล

3.Fiber optics    =    เส้นใยแก้วนำแสง

4.System Design    =    การออกแบบระบบ

5.Feedback    =    ผลย้อนกลับ

6.Control    =    การควบคุม

7.Output    =    หน่วยนำออกข้อมูล

8.Process    =    การประมวลผล

9.System Analysis    =    การวิเคราะห์ระบบ

10.Input    =    หน่วยนำเข้าข้อมูล

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 14 เรื่องการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ

การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ



ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทและความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรามากโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่มีอุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัย  เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อจะได้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
1. บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
                บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
                1. บทบาทต่อการดำเนินชีวิต เช่น  การติดต่อสื่อสารและการคมนาคมขนส่ง
                2. บทบาทเกี่ยวกับข้อมูล  เช่น  การจัดเก็บข้อมูลและการสร้างฐานข้อมูล  การสื่อสารข้อมูล  เป็นต้น
                3. บทบาทด้านธุรกิจ  เช่น  งานด้านการตลาด  การวิเคราะห์แนวโน้มการเจริญเติบโตของบริษัท
                4. บทบาทด้านการศึกษา  เช่น  โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ซอฟท์แวร์สื่อการสอน
                5. บทบาทด้านการวิจัย  เช่น  การวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาประเทศ  การวิจัยด้านการเกษตร  การวิจัยด้านการแพทย์  การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ฯลฯ  ต้ออาศัยเทคโนโลยีโดยเฉพาะโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้านการประมวลผลข้อมูล  เข้ามาช่วยเพื่อใช้งานวิจัยเพื่อต้องการความถูกต้องและความแม่นยำสูง
                6. บทบาทด้านการทหาร  เช่น การสื่อสารระหว่างหน่วยงานทางราชการ  งานด้านข่าวกรอง
                7. บทบาทด้านการแพทย์  เช่น  การรักษาพยาบาล  การผ่าตัด  การตรวจโรค
                8. บทบาทด้านอื่นๆ  เช่น  ด้านการบิน  การโรงแรม  การกีฬาและการผลิตสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม
                โดยสรุป  เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทและความสำคัญต่อเราในแทบทุกด้าน  ทั้งด้านการประกอบอาชีพการงาน  การศึกษาเล่าเรียน  การติดต่อสื่อสาร  การรักษาพยาบาล

2. ความสัมพันธ์ของข้อมูลและสารสนเทศ
                ข้อมูลกับสารสนเทศมีความหมายที่แตกต่างกัน  คือ
                ข้อมูล  (Data)  หมายถึง  ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับคน  สัตว์  สิ่งของ  และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน  อาจอยู่ในรูปแบบของตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้  เป็นข้อเท็จจริงที่มีการเก็บรวบรวมไว้ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลใดๆ เช่น  ข้อมูลรายการซื้อขายรายวัน  ข้อมูลสินค้าคงเหลือรายวัน
                สารสนเทศ (Information)  หมายถึง  ผลลัพธ์ที่ได้จากการนำเอาข้อมูลมาทำการประมวลผล  หรือเปลี่ยนแปลงด้วยกรรมวิธีที่เชื่อถือได้จนเป็นข่าวสารที่พร้อมสำหรับนำไปใช้งานหรือใช้ประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่งตามที่ผู้ใช้ต้องการ
3. กระบวนการผลิตสารสนเทศ
                สินค้าต่างๆ เกิดจากการนำเอาวัตถุดิบมาผ่านกระบวนการผลิตเมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็จะได้สินค้าสำเร็จรูปที่พร้อมสำหรับนำออกวางจำหน่ายตามท้องตลาด  เช่น  การผลิตเสื้อ  เกิดจากการนำเอาใยผ้ามาผ่านการฟอก  การย้อม  การออกแบบ  การตัดเย็บและขั้นตอนอื่นๆ จนเสร็จเป็นเสื้อตัวหนึ่ง  เปรียบได้กับการผลิตสารสนเทศที่เกิดขึ้นจากการนำเอาข้อมูลมาทำการประมวลผล  จากนั้นจะได้สารสนเทศ  ที่พร้อมสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์

                กระบวนการในการผลิตสารสนเทศ  เรียกว่า  การประมวลผล  (Processing)  มีองค์ประกอบ  ดังนี้
                1. การจัดเก็บข้อมูล  เป็นขั้นตอนของการจัดเตรียมข้อมูล  การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญ  หากมีการจัดเตรียมข้อมูลที่ดีผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลย่อมดีตามไปด้วย
                2. การบันทึกข้อมูล  เป็นขั้นตอนการนำเอาข้อมูลที่มีการจัดเก็บหรือจัดเตรียมไว้มาทำการบันทึกลงในเรื่องคอมพิวเตอร์  เช่น  บันทึกไว้ในแผ่นดิสเก็ต  ซีดีรอม
                3. การตรวจสอบความถูกต้อง  เป็นขั้นตอนของการตรวจสอบข้อมูลที่ได้ทำการบันทึกลงในเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว  โดยตรวจสอบว่าถูกต้องตรงกับข้อมูลต้นฉบับหรือไม่  และมีความสมเหตุสมผลหรือไม่
                4. การจัดกลุ่มและการแยกประเภทข้อมูล  เป็นขั้นตอนของการจัดกลุ่มและแยกประเภทข้อมูล  ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย  เป็นหมวดหมู่อย่างเหมาะสม  เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเรียกใช้งาน
                5. การประมวลผล  เป็นขั้นตอนที่ข้อมูลจะกลายเป็นสารสนเทศโดยนำเอาข้อมูลที่ได้จัดเตรียมไว้มาทำการประมวลผล  เพื่อสร้างเป็นผลลัพธ์  เช่น  นำเอาคะแนนสอบทั้งปีของนักเรียนมาทำการประมวลผลเป็นคะแนนรวมเพื่อตัดเกรดของนักเรียน
                6. การจัดทำรายงาน  เป็นขั้นตอนของการนำเอาสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผลมาใช้ประโยชน์โดยจัดทำเป็นรายงานในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมกับชนิดของงานแต่ละอย่าง  เพื่อความถูกต้องและสะดวกรวดเร็วในการนำไปประกอบการตัดสินใจ

4. องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
                เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที  (Information  Technology : IT) คือเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบัน  เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ  การประมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ  มีองค์ประกอบหลัก  2 ส่วน  คือ  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม  (Computer  and  Communication)
                4.1 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
                คอมพิวเตอร์จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน  เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก  การจัดเก็บ  การประมวลผล  การแสดงผล  และการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศ
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้  2  ส่วน  คือเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟท์แวร์
                1) เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์  หมายถึง  อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น  4  ส่วน  คือ
                (1) หน่วยรับข้อมูล  (Input  Unit)  เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่รับคำสั่งและข้อมูลต่างๆ เข้าไปเพื่อทำการประมวลผลด้วยการเปลี่ยนรหัสของคำสั่งหรือข้อมูลที่ป้อนเข้าไปให้เครื่องอุปกรณ์ที่จัดเป็นหน่วยรับข้อมูล  เช่น เมาส์  แป้นพิมพ์  เครื่องสแกนเนอร์
                (2) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู  (Central  Processing  Unit)  เป็นอุปกรณ์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ป้อนผ่านเข้ามาทางอุปกรณ์ของหน่วยรับข้อมูลเพื่อให้เรื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่งที่ผู้ใช้ต้องการ  เช่น  การคำนวณ  การเปรียบเทียบค่าของข้อมูล
                (3) หน่วยแสดงผลข้อมูล  (Output  Unit)  เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่อยู่ในรูปของรหัสคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญลักษณ์หรือรหัสสำหรับแสดงผล  เช่น  จอภาพ  เครื่องพิมพ์หรือลำโพง  เป็นต้น
                (4)  หน่วยความจำสำรอง  (Secondary  Storage  Unit)  เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่เก็บคำสั่งและข้อมูลพักไว้เพื่อเตรียมนำไปไว้ในการประมวลผล  อุปกรณ์หน่วยความจำสำรองที่เกิดขึ้นเพราะหน่วยความจำหลักเก็บข้อมูลไม่เพยงพอจึงต้องมีการนำเอาหน่วยความจำสำรองเข้ามาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ อุปกรณ์ที่จัดเป็นหน่วยความจำสำรอง  ได้แก่  Hard Disk,  Diskette,  CD-ROMและDVD-ROM 
                2) เทคโนโลยีซอฟท์แวร์   (Software)  หมายถึง  โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ  ซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น  2  ประเภท  คือ
                (1) ซอฟท์แวร์ระบบ  (System  Software)  หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ทำงานตามคำสั่ง
                (2) ซอฟท์แวร์ประยุกต์  (Application  Software) คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
                4.2 เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม  หมายถึง  เทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป  เช่น  ระบบโทรศัพท์  ระบบดาวเทียม  ระบบเครือข่ายเคเบิล  และระบบสื่อสารอื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน

5. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
                ระบบสารสนเทศ  (Information  System)  หมายถึง  กระบวนการประมวลผลข้อมูลข่าวสารหรือการจัดการข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปแบบที่มีระบบ  เป็นระเบียบ  เป็นหมวดหมู่  เพื่อความสะดวกในการเรียกใช้และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร
                ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ  (Management  Information  System  : MIS) หมายถึง  วิชาที่ว่าด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล  การจัดเก็บข้อมูลที่มอยู่ให้เป็นระบบ  เพื่อการเรียกใช้ข้อมูลอย่างรวดเร็วในเวลาที่ต้องการ  รวมไปถึงวิธีการต่างๆ ในการประมวลผล  การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลผลและการแสดงผลข้อมูล
                5.1 ความสำคัญของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
                ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อองค์กร  ดังนี้
                1) สนับสนุนการทำงานขององค์กร  เป็นการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อประกอบการทำงานตามภาระหน้าที่ขององค์กรนั้นๆ
                2) สนับสนุนการตัดสินใจในระดับต่างๆ การทำงานขององค์กรนั้นจะต้องมีการตัดสินใจโดยจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล  ซึ่งก็คือ  สารสนเทศที่เป็นระบบนั่นเอง
                3) สนับสนุนการวางแผนระยะยาวขององค์กร  ระบบสารสนเทศมีความสำคัญมากต่อการวางแผนการทำงานขององค์กร  เพราะแผนงานจะเกิดประสิทธิผลหรือมีประโยชน์ต่อองค์กรได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยสารสนเทศที่มีคุณภาพ
                4) สนับสนุนการวางแผนระบบปฏิบัติงานให้มีมาตรฐาน  ช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาและหาทางแก้ไขปัญหานั้นๆ
                5.2 ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ  ดังนี้
                1) ฮาร์ดแวร์  (Hardware)  หมายถึง  เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมด  เช่น  แป้นพิมพ์  เมาส์  หน่วยประมวลผลกลาง  จอภาพ  เครื่องพิมพ์  และอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหมด
                2)  ซอฟท์แวร์  (Software)  หรือ  โปรแกรม  หมายถึงชุดคำสั่งต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการสั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน  คือ  การประมวลผลข้อมูลให้เกิดเป็นสารสนเทศ
                3) ข้อมูล  (Data)  หมายถึง  ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ใช้ในการประมวลผล  ตามข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าสู่เครื่องโดยผ่านทางหน่วยรับข้อมูล
                4) กระบวนการทำงาน  (Procedure)  คือ  ขั้นตอนต่างๆ ของการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือสารสนเทศในการทำงานของหน่วยงาน  เช่น  การสร้างผังงาน (Flow  chart)
                5) บุคลากรทางสารสนเทศ  (Information  System  Personal)  เช่น  โปรแกรมเมอร์  นักออกแบบระบบ  โดยเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
                6) ผู้ใช้  (User) เป็นผู้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน  เช่น  พนักงานพิมพ์เอกสาร  พนักงานฝ่ายบัญชี
                5.3 ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
                ประเภทของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการแบ่งตามลักษณะงานต่างๆ ได้ดังนี้
                1) ระบบการประมวลผลรายการระบบ  หรือ  ทีพีเอส  (Transaction  Processing  System  : TSP) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ระดับพื้นฐานเพื่อการประมวลผลรายการหรือรายละเอียดที่เกิดขึ้นประจำวันให้เกิดความราบรื่น  เช่น  รายการซื้อขายสินค้า  รายจ่ายต่างๆ
                2) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ  (Management  Information  System  :  MIS) เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุม  กำกับ  จัดการเกี่ยวกับงานขององค์กร  เป็นระบบที่นำเอาข้อมูลจากระบบทีพีเอสมาจัดทำเป็นรายงานเพื่อให้ผู้บริหารใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
                3) ระบบช่วยการตัดสินใจ  (Decision  Support  System  :  DSS) เป็นระบบที่ช่วยในการจัดเตรียมสารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจ  หากเป็นการใช้โดยผู้บริหารระดับสูง  ระบบนี้เรียกว่า  ระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหาร  ระบบนี้ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
                4) ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร  (Executive  Information  System :  EIS)  เป็นระบบสารสนเทศที่พัฒนาเพื่อผู้บริหารโดยเฉพาะ  ช่วยให้มีความล่องตัวในการวางแผน  กำหนดนโยบาย
                5) ระบบสำนักงานอัตโนมัติ  (Office  Automatic  System  :  OAS) เป็นระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการสื่อสารภายในองค์กรหรือกับหน่วยงานภายนอกก็ได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทุกคนโดยใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย  ระบบ  OAS  ครอบคลุมงานสำนักงาน  4  ด้าน คือ  งานด้านการจัดการเอกสาร  งานด้านข้อมูล  งานด้านการประชุมและงานสนับสนุนสำนักงาน
                6) ระบบผู้เชี่ยวชาญ  (Artificial  Intelligence/Expert  System  :  Al/ES) เป็นระบบที่ใช้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาอาชีพทำการใส่ข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องสามารถวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เป็นเสมือนผู้เชี่ยวชาญอยู่ร่วมช่วยตัดสินใจสำหรับความรู้ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยความรู้พื้นฐานและกฎข้อวินิจฉัย

บทที่ 14 เรื่องแนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต

แนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต



เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
ในบล็อกนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบัน  และแนวโน้มของเทคโนโลยีต่าง ๆ กันนะครับ  ซึ่งในปัจจุบันนี้สิ่งที่กำลังได้รับความสนใจก็คือ   เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม  ซึ่งเป็นการการสื่อสารที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่ทันสมัย ขณะเดียวกันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมก็ได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกมากครับเรามาดูเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
แนวโน้มใน ด้านบวก 
       การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ 
  • การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
  • การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้ 
  • การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
  • การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ 
  • การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
แนวโน้มใน ด้านลบ 
  • ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา 
  • การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
  • การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ 
การสื่อสารผ่านดาวเทียม (satellite-based communication)
 

          เนื่องจากท้องที่ทางภูมิศาสตร์เต็มไปด้วยภูเขา หุบเขา หรือเป็นเกาะอยู่ในทะเล การสื่อสารที่ดีวิธีหนึ่งคือการใช้ดาวเทียม ดาวเทียมได้รับการส่งให้โคจรรอบโลก โดยมีการเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการหมุนของโลก ทำให้ดาวเทียมอยู่ในตำแหน่งคงที่เมื่อมองจากพื้นโลก ดาวเทียมจะมีเครื่องถ่ายทอดสัญญาณติดตั้งอยู่ การสื่อสารโดยผ่านดาวเทียมจะทำโดยการส่งสัญญาณสื่อสารจากสถานีภาคพื้นดินแห่งหนึ่งขึ้นไปยังดาวเทียม เมื่อดาวเทียมรับก็จะส่งกลับมายังสถานีภาคพื้นดินอีกแห่งหนึ่งหรือหลายแห่ง เราจึงใช้ดาวเทียมเพื่อแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ได้
          การรับจะครอบคลุมพื้นที่ที่ดาวเทียมลอยอยู่ ซึ่งจะมีบริเวณกว้างมากและทำได้โดยไม่มีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ เช่น มีแนวเขาบังสัญญาณ ดาวเทียมจึงเป็นสถานีกลางที่ถ่ายทอดสัญญาณจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้
           ปัจจุบันประเทศไทยมีดาวเทียมไทยคมสามดวงลอยอยู่เหนือประเทศทางด้านมหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย ดาวเทียมไทยคมนี้ใช้ประโยชน์ทางด้านการสื่อสารของประเทศได้มาก เพราะเป็นการให้บริการสื่อสารของประเทศในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ สัญญาณจากวิทยุ สัญญาณข้อมูลข่าวสารต่างๆ

 การสื่อสารด้วยเส้นใยนำแสง (fiber optic)
           เส้นใยนำแสงมีลักษณะเป็นท่อแก้วที่อ่อนตัวอยู่ในสายที่หุ้มด้วยพลาสติก ลักษณะของท่อแก้วหุ้มด้วยสารพิเศษที่ทำให้เกิดการหักเหของแสงอยู่ภายในท่อแก้ว ดังนั้นเราสามารถส่งแสงจากปลายด้านหนึ่งให้ไปปรากฏที่ปลายอีกด้านหนึ่งได้ แม้ว่าเส้นใยนำแสงนั้นจะคดงอไปอย่างไรก็ตามก็จะส่งแสงเข้าไปในท่อแก้วได้ เมื่อมีการนำเอาข้อมูลเข้าไปผสมกับแสง เพื่อให้แสงกระพริบตามการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล ทำให้เรารับส่งสัญญาณข้อมูลไปกับแสงได้ การรับส่งข้อมูลเข้าไปในแสงทำได้มากและรวดเร็ว
           ปัจจุบันในประเทศไทยมีการวางเครือข่ายเส้นใยนำแสงไปตามถนนหนทางต่างๆ ทั้งใต้ดิน และที่แขวนไปตามเสาไฟฟ้า มีการวางเชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด เพื่อให้ระบบสื่อสารเป็นเสมือนเส้นทางด่วนที่รองรับการสื่อสารของประเทศ
โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัล (Integrated Service Digital Network : ISDN)
    ลักษณะเครือข่ายนี้เป็นการขยายการบริการจากระบบโทรศัพท์เดิมให้เป็นระบบดิจิทัลคือส่งสัญญาณข้อมูลตัวเลขแทนเสียง แทนภาพ แทนข้อมูล การสื่อสารโครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัลจึงเน้นการประยุกต์ใช้งานหลายอย่างบนเครือข่ายเดียวกัน โดยวางฐานขยายจากโทรศัพท์ เช่น ในสายโทรศัพท์เส้นเดียวที่เชื่อมต่อไปยังบ้านเรือนผู้ใช้ สามารถประยุกต์ให้เป็นระบบโทรศัพท์ที่เห็นภาพ ใช้ส่งโทรสาร ใช้เป็นระบบการประชุมทางวีดิทัศน์ ใช้ในการส่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ การดำเนินการเหล่านี้สามารถทำได้พร้อมกันบนสายสื่อสารเดียวกันโครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัลควรได้รับการพัฒนา โดยวางโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมโยงต่างๆ ไว้ให้พร้อม เพื่อรองรับความเร็วของการรับส่งข้อมูลได้สูงขึ้น
ระบบเครือข่ายสวิตชิง (switching technology)
          ด้วยเทคโนโลยีเอทีเอ็มสวิตชิงที่มีความเร็วสูงทำให้การสื่อสารผ่านเส้นใยนำแสงในการส่งผ่านข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทางได้ด้วยความเร็วหลายร้อยเมกะบิตต่อวินาที เอทีเอ็มสวิตชิงจึงเป็นเทคโนโลยีของการสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสารที่จะรองรับการใช้งานแบบสื่อประสม ปัจจุบันหลายหน่วยงานได้เริ่มใช้เครือข่ายด้วยเทคโนโลยีเอทีเอ็มสวิตชิงภายในองค์กรของตนเอง และมีแนวโน้ม การขยายตัวเพื่อรองรับระบบนี้สำหรับเครือข่ายระยะไกลในอนาคตต่อไป
ระบบสื่อสารเคลื่อนที่ (mobile phone system)
           หรือที่เรียกว่าระบบเซลลูลาร์โฟน (cellular phone system) ที่ใช้กับโทรศัพท์ ทำให้มีโทรศัพท์ติดรถยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัจจุบันการสื่อสารระบบนี้เป็นที่แพร่หลายและนิยมใช้กันมาก ลักษณะการทำงานของระบบสื่อสารแบบนี้คือ มีการกำหนดพื้นที่เป็นเซล เหมือนรวงผึ้ง แต่ละเซลจะครอบคลุมพื้นที่บริเวณหนึ่ง มีระบบสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างเซลเข้าด้วยกัน ครอบคลุมพื้นที่บริการไว้ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเราอยู่ที่บริเวณ พื้นที่บริการใด และมีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ สัญญาณจากโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเชื่อมโยงกับสถานีรับส่งประจำเซลขึ้น ทำให้ติดต่อไปยังข่ายสื่อสารที่ใดก็ได้ ครั้นเมื่อเราเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่ก็จะโอนการรับส่งไปยังเซลที่อยู่ข้างเคียงโดยที่สัญญาณสื่อสารไม่ขาดหาย
 ระบบสื่อสารไร้สาย (wireless communication)  
           เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่าย ระบบที่รู้จักและใช้งานกันแพร่หลายคือ ระบบแลนไร้สาย (wireless LAN) เป็นระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่ายด้วยสัญญาณวิทยุ สามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบด้วยความสูงถึง 11 เมกะบิตต่อวินาที
        ระบบเครือข่ายไร้สายที่รู้จักและนำมาประยุกต์ใช้กันมากอีกระบบหนึ่งคือ ระบบบลูทูธ (bluetooth) เป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าสู่เครือข่ายในระยะใกล้ เพื่อลดการใช้สายสัญญาณ และสร้างความสะดวกในการใช้งาน
ความหมายของสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์หรืออีออฟฟิศ
              สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) คือ การใช้เทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อปฎิบัติงานทั่วไป งานประจำวัน อย่างเช่น การจัดการเอกสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การเก็บรักษาและแก้ไขกลุ่มข้อความ กลุ่มรูปภาพ งานทางบัญชี และ อื่น ๆ สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ ยังรวมถึงระบบ เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมที่สามารถใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
              ระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) รวมถึง ระบบข้อมูลสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบที่มีจุดประสงค์หลัก คือ การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ระบบเช่นนี้เป็น การนำเครื่องมือ เครื่องใช้ หลาย ๆ อย่าง รวมเข้าด้วยกัน, ใช้งานร่วมกัน, เก็บรักษา, นำไปใช้ และกระจายข้อมูล ระหว่างผู้ร่วมงาน แต่ละคน , ทีมงาน และธุรกิจ นั้น ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ตัวอย่างของเครื่องมือ สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เวิร์ดโปรเซสซิ่ง, เครื่องพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ, อีเมลล์, วอยซ์เมลล์, เครื่องแฟกซ์, มัลติมีเดีย,
คอมพิวเตอร์ คอนเฟอร์เรนซิ่ง และ วิดิโอคอนเฟอร์เรนซิ่ง
               หลายปีที่ผ่านมา สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) ถูกมองว่า มีเพียงหน้าที่แก้ปัญหาในการทำงาน แต่ในปัจจุบัน ระบบที่ช่วยเสริมการติดต่อ สื่อสารในสถานที่ทำงาน ถูกมองว่ามีความสำคัญ และต้องได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในระดับเดียวกับระบบ TPS, MIS และ ISS
              สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office) ในปัจจุบัน ดูเหมือนกับไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ แตกต่างจากสำนักงานที่ใช้เพียงเครื่องจักรกล เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเครื่องพิมพ์ดีด, เครื่องยนต์ กลไกล และ ระบบไปรษณีย์  เป็นความหมายหลักของการติดต่อสื่อสาร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องน่าทึ่งที่ยังรอคอยเราอยู่ เรากำลังจะได้เริ่มเห็นบทบาทของ บริษัทเสมือนจริง ซึ่งสามารถทำให้ เราทำงานได้ในทุกแห่ง ปราศจากข้อจำกัดด้านพื้นที่การใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานในสำนักงาน อาจเรียกว่า “สำนักงานอัตโนมัติ หรือโอเอ    (OA = Office Automation)”  อาทิ
1.ประมวลผลคำ
2.บัญชี
3.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
การประชุมทางไกล (Teleconference)
             การประชุมทางไกล (Teleconference) คือ การนำเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายโทรทัศน์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคมผสมผสาน เพื่อสนับสนุนในการประชุมให้มีประสิทธิภาพล ให้บริการ Teleconference หรือบริการโทรศัพท์ทางไกลผ่าน ICQ,MSN,Net2phone เป็นต้น
                              
            การประชุมทางไกลแบ่งออกเป็น  3  ประเภท  ได้แก่
            1.  การประชุมทางไกลด้วยเสียงและภาพ  (Video Teleconference)  เป็นการประชุมที่ได้ทั้งภาพและเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมโดยผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนจะต้องต้องเข้าไปอยู่ในสตูดิโอที่จัดไว้พิเศษ ณ ที่ต่างกัน  แล้วเชื่อมต่อด้วยวงจรโทรศัพท์หรือวงจรพิเศษ
            2.  การประชุมทางไกลด้วยเสียง  (Adio Teleconference) เป็นการประชุมที่มีการใช้โทรศัพท์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสื่อสาร  ผู้เข้าประชุมจะได้ยินเฉพาะเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมด้วยกันเท่านั้น  จะไม่เห็นภาพคนที่เข้าร่วมประชุมด้วยกัน
            3.  การประชุมทางไกลด้วยคอมพิวเตอร์  (Computer Teleconference)  เป็นการประชุมที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ในการสื่อสาร  และป้อนข้อมูลการประชุมระหว่างกันแทนการใช้โทรศัพท์หรือประชุมกันตามปกติ  ผู้เข้าประชุมจะนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์  และป้อนข้อมูลและคำสั่งต่าง ๆ ส่งถึงผู้เข้าประชุมคนอื่น ๆ  ที่อยู่ห่างไกลออกไประบบการสื่อสารจะใช้โทรศัพท์  ไมโครเวฟ  หรือดาวเทียมก็ได้
ห้องสมุดเสมือน (Virtual Library)                                 
           การค้นหาแหล่งความรู้ต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และตรงกับความต้องการมากที่สุด ห้องสมุดเป็นหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รวบรวม จัดเก็บ และให้บริการสารสนเทศ เพื่อการศึกษาค้นคว้าแก่อาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และบุคลากรของสถาบัน ดังนั้นเมื่อมีการพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และนำเอามาประยุกต์ใช้กับงานห้องสมุด ทำให้มีรูปแบบของห้องสมุดใหม่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเรียกว่า ห้องสมุดเสมือน (Virtual Library)  นั่นเอง
        ห้องสมุดเสมือน หรือ Virtual Library หมายถึง  ห้องสมุดที่เกิดจากการรวมตัวของเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องที่ติดต่อกันบนระบบเครือข่ายและใช้โปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการจัดการ โดยเน้นให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพียงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งสารสนเทศต่างๆ ไม่ว่าสารสนเทศนั้นจะอยู่ที่ใด โดยห้องสมุดจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้ และทำหน้าที่กระจายสารสนเทศโดยเน้นการเข้าถึงมากกว่าการเป็นเจ้าของ หนังสือที่อยู่ในห้องสมุดเสมือนจะอยู่ในรูปของอิมเมจ (Image) ซึ่งอาจเกิดจากการสแกนหน้าหนังสือ วารสาร เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
        ห้องสมุดเสมือนจึงเป็นที่รวมแหล่งสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการจัดการอย่างมีระบบและให้บริการค้นคืนสารสนเทศแบบออนไลน์ในระบบเครือข่าย โดยที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระยะไกลมายังห้องสมุดเพื่อสืบค้นและใช้สารสนเทศของห้องสมุดหรือเชื่อมโยงกับแหล่งสารสนเทศอื่นได้ทุกที่ในระบบเครือข่าย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล                                      
        แนวคิดของห้องสมุดเสมือน พัฒนามาจากแนวคิดเดิมที่เรียกว่า ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งลักษณะของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ตามแนวคิดของ Dowlin ในสมัยนั้น (1984 : 33) มีองค์ประกอบ 4 ประการคือ
        1. การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
        2. ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
        3.  บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
        4.  ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom )                                  
            ห้องเรียนเสมือนเป็นการเรียนการสอนที่จำลองแบบเสมือนจริง เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่สถาบันการศึกษา ต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและจะขยายตัวมากขึ้นในศตวรรษที่ 21 การเรียนการสอนในระบบนี้อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์โทรคมนาคม และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ที่เรียกว่า Virtual Classroom หรือ Virtual Campus บ้าง นับว่าเป็นการพัฒนาการ บริการทางการศึกษาทางไกลชนิดที่เรียกว่าเคาะประตูบ้านกันจริงๆ
       ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) หมายถึง การเรียนการสอนที่กระทำผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้าไว้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (File Server) และคอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการเว็บ (Web sever) เป็นการเรียนการสอนที่จะมีการนัดเวลาหรือไม่นัดเวลาก็ได้ และนัดสถานที่ นัดตัวบุคคล เพื่อให้เกิด การเรียนการสอน มีการกำหนดตารางเวลาหรือตารางสอน เข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนพร้อมๆ กันหรือไม่พร้อมกัน มีการใช้สื่อการสอนทั้งภาพและเสียง ผู้เรียนสามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือตอบ โต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สอนหรือกับเพื่อนร่วมชั้นได้เต็มที่ (คล้าย chat room) ส่วนผู้สอน สามารถตั้งโปรแกรมติดตามพัฒนาการประเมินผลการเรียนรวมทั้งประสิทธิภาพของหลักสูตรได้ ทั้งนี้ ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ เวลา (Any Where & Any Time) ของผู้เรียนในชั้นและผู้สอน